วันอังคารที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2550

ปทุมมา



วงศ์ :Zingiberaceae

ชื่อวิทยาศาสตร์ :Curcuma alismatifolia

ปทุมมาเป็นไม้ดอกที่ชอบขึ้นช่วงวันยาวคือ เลยฤดูหนาวมาแล้ว (กลางวันสั้นกลางคืนยาว) ปกติการปลูกทั่วไปจะเริ่มปลูกช่วงเดือนเมษายน และจะเริ่มออกดอกหรือให้ผลผลิตประมาณเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม สรุปแล้วการปลูกปทุมมาที่จะออกดอกหรือให้ดอกจริงประมาณ 5-6 เดือนและหลังจากนี้ไปก็จะเป็นช่วงพักตัวของปทุมมา

การขยายพันธุ์ โดยส่วนมากเกษตรกรจะนิยมขยายพันธุ์โดยการแยกเหง้า เพราะจะได้ต้นที่มีลักษณะเหมือนเดิมการขุดหัวของปทุมมา ช่วงฤดูหนาว ปทุมมาจะหดตัวหรือเริ่มที่จะยุบตัวช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม ซึ่งเดือนธันวาคมและเดือนมกราคมก็จะเริ่มขุดและนำมาล้างแยกเป็นหัวผึ่งให้แห้งชุบยาแล้วปลูกได้เลย

การเตรียมดิน

ปกติการปลูกปทุมมาโดยทั่วไปจะเริ่มปลูกช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน แต่ถ้าปลูกเพื่อจะหัวส่งออกจะปลูกเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน ซึ่งขั้นตอนแรกของการเตรียมดินนั้นให้พิจารณาดินที่จะปลูก ควรเป็นดินที่มีการระบายน้ำได้ดี มีความอุดมสมบูรณ์ ถ้าเป็นดินเหนียวควรผสมวัสดุปลูกลงดินเพื่อให้เกิดความร่วนซุย เตรียมแปลงปลูกโดยการใช้รถไถใหญ่ไถและใช้รถไถเล็กพรวนดินแล้วใช้รถพรวนดินยกร่องอีกครั้ง การยกร่องเพื่อเป็นทางเดินและให้น้ำไหลไม่ให้น้ำขัง ยกแปลงสูง 15 ซม. กว้าง 150 ซม. เว้นทางเดินประมาณ 1 ฟุตกว่า ความยาวของแปลงแล้วแต่ความสะดวก ระยะปลูกระหว่างต้นระหว่างแถวประมาณ 1 ฟุต ช่วงที่ปลูกนั้นเราจะใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ควรให้หัวพันธุ์อยู่ลึกจากผิวดินประมาณ 2-3 ซม.
การให้น้ำ
การให้น้ำจะใช้ระบบสปริงเกอร์ เนื่องจากปทุมมาเป็นพืชที่ต้องการเปียก แต่ถ้ามีการให้น้ำในช่วงที่มีอากาศร้อนจัดหรือแดดจัด ๆ อาจมีปัญหาต่อดอก คือ จะทำให้ดอกไหม้ได้ ดังนั้นควรจะให้น้ำช่วงเช้าหรือเย็น ส่วนใหญ่จะให้น้ำวันละครั้ง ถ้ามีแดดจัด ๆ ถึงจะให้ 2 ครั้ง แต่ถ้าไม่มีแดดให้รดเปียก ๆ ไว้ต่อไปก็อาจจะรดวันเว้นวันก็ได้

การใส่ปุ๋ย
การใส่ปุ๋ยเมื่อปทุมมาเริ่มออกมาบ้างแล้วก็จะมีการสังเกตอาการที่ใบของมัน ถ้าออกอาการเหลืองแสดงว่าการเจริญเติบโตไม่ดี และดูว่ามีเชื้อราหรือเปล่าถ้ามีก็จะฉีดยาเชื้อรา

เมื่อปทุมมาเริ่มงอกก็จะให้ปุ๋ยไนโตรเจนสูง สูตร 25-7-7 คือใส่สัก 2-3 ครั้งแล้วใส่สูตรเสมอ 15-15-15 เพื่อเร่งการเจริญเติบโตของลำต้นและใบ ประมาณช่วงเดือนเมษายนก็จะมีดอกให้เห็น ผลผลิตจะเยอะประมาณเดือนมิถุนายน กรกฎาคมและสิงหาคม

การจัดการเกี่ยวกับศัตรูและการป้องกันกำจัด

หญ้าเป็นปัญหาสำคัญมากในแปลงปลูก ดังนั้นก่อนที่จะทำการปลูกเกษตรกรจะรดน้ำกับแปลงปลูกก่อนเพื่อให้หญ้าขึ้น แล้วทำการฉีดยาคุมกำเนิดหญ้าก่อนซึ่งจะทำลายวัชพืชได้หรือการใช้ยากำจัดวัชพืชใบกว้าง

ปัญหาสำคัญอีกอย่างในช่วงการตัดดอก คือจะมีเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียสำหรับเชื้อรานั้นสามารถฉีดป้องกันไว้ก่อนได้ แต่ถ้ามีเชื้อแบคทีเรียจะต้องทิ้งอย่างเดียวเลยเพื่อป้องกันการแพร่กระจาย

สำหรับยาฆ่าแมลงแทบจะไม่ได้ใช้เลย เพราะปทุมมาไม่ค่อยมีแมลงรบกวนจะมีก็หอยทากกินใบเท่านั้น

การตัดดอก

ปทุมมาเป็นไม้ตัดดอกที่ไม่มีการบานต่อในแจกัน ในการตัดดอกควรมีดอกจริงบานแล้วราว 3-5 ดอก หรือดูช่วงที่ดอกบานคือไม่ตูมเกินไป และไม่บานเกินไปเมื่อตัดดอกแล้วต้องรีบนำก้านช่อดอกไปแช่น้ำสะอาดทันที เนื่องจากช่อดอกปทุมมาไวต่อสภาพการขาดน้ำเป็นอย่างมากและควรมีการให้น้ำปทุมมาเต็มที่ก่อนตัดดอก เพื่อให้ดอกดูดน้ำได้เต็มที่ และควรตัดตอนเช้าขณะที่ดอกสด วิธีการเก็บใช้มือจับที่โคนก้านช่อดอกบิดและดึงก้านขึ้นมาจากลำต้นเทียม หลังตัดดอกควรเก็บในที่ร่มเย็นนาน 3 ชั่วโมงก่อนขนส่ง การเก็บแบบเปียกโดยการแช่น้ำเก็บไว้ที่ 15 C

การบรรจุหีบห่อ
ปทุมมาจะมัดกำ ๆ ละ 10 ดอก ห่อปลายก้านด้วยสำลีชุบน้ำ สวมโคนก้านในถุงพลาสติกรัดไม่ให้น้ำไหลออกหรือสวมปลายก้านดอกในหลอดพลาสติก ผึ่งลมให้กลีบประดับแห้ง ก่อนการบรรจุในกล่องที่มีรูระบายด้านหัวและท้ายกล่อง เพื่อป้องกันและลดอาการดอกเน่า

การปักแจกัน
ก่อนการปักแจกันควรตัดปลายก้านดอกออกเล็กน้อย แช่ในน้ำอุ่นประมาณ 30 นาที เพื่อให้ก้านดอกดูดน้าได้เต็มที่ ควรมีการตัดดอกและเปลี่ยนน้ำทุก ๆ 3 วัน จะมีอายุการปักแจกันประมาณ 7-14 วัน

สายพันธุ์ปทุมมา
ปทุมมาจะมีหลากหลายสายพันธุ์มาก เช่น ปทุมมาสีชมพู ,สีขาวดอกยาว, ปทุมมาพันธุ์เชียงใหม่สโนว์, พันธุ์ลัดดาวัลย์ ,พลอยทักษิณ, ปทุมรัตน์ กระเจียวส้ม, บัวลาย ,ปทุมมาสีเขียว

ตลาดของปทุมมา
จะมีทั้งตลาดตัดดอกและตลาดหัวพันธุ์ ซึ่งตลาดตัดดอกถือว่าอยู่ในเกณฑ์พอใช้ได้ แต่ว่าอยู่ที่ปริมาณ คือเวลาดอกออกมาแล้วตัดดอกขายไม่หมด แต่ขายได้เพียงบางส่วน ทำให้ต้องปลูกหลาย ๆ สายพันธุ์ ซึ่งช่วงที่ปทุมมามีปริมาณของการออกดอกเยอะคือ ช่วงกรกฎาคมและสิงหาคม แต่พื้นที่ปลูกในจังหวัดกาญจนบุรีจะได้เปรียบกว่าทางเชียงใหม่ ตรงที่การขนส่ง ตลาดที่สำคัญคือ ปากคลองตลาด

ฉะนั้นคนที่จะปลูกปทุมมาต้องคำนึงถึงตลาดก่อนเพราะว่าเวลาปลูกมาแล้วมันขายได้น้อย แต่มันให้ปริมาณผลผลิตสูงและปทุมมาจะอยู่แค่ในกลุ่มของคนที่เขาใช้ เช่น ตามโรงแรม ชุดไหว้พระ และจัดตามงานมงคลและงานอวมงคล คือเป็นไม้ดอกที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จักทำให้ตลาดปทุมมายังค่อนข้างแคบ

ส่วนตลาดหัวจะเป็นช่วงธันวาคม มกราคม กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นตลาดที่ทำรายได้เป็นก้อน คือ จะทำการขุดล้างแล้วส่งออกให้กับประเทศปลายทางเหล่านี้ คือ ประเทศเนเธอร์แลนด์ (เป็นตลาดที่มีความต้องการสูง) ญี่ปุ่น จีน มาเลเซีย อเมริกา และยุโรป เพื่อนำไปปลูกใส่กระถาง และปลูกตัดดอก